เป็นที่รู้กันว่า สมัยก่อนเขาว่ากันว่า กินเด็กเป็นซีอุย แต่สมัยนี้กินเด็กกลับเป็นอมตะซะเฉย แหม่ พวกกะหรี่หิวควยนี่สองมาตรฐานจริงๆ น่าเหยียบหน้าด้วยคอมแบตให้จมตีนเลือดกบปากจริงๆ แต่จะอะไรก็ช่าง เราจะมาเจาะลึกชายผู้คงความหนุ่มตลอดกาล ผู้มากความสามารถคนนี้ Pharrell Williams
Because I'm Happy หากคุณรู้จักเขาแต่เพลงนี้.....นั้นก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพื่อประสบการณ์ที่อล่างฉ่าง แนะนำให้นั่งรถเมล์กรุงเทพสาย 8 ไปแฮปปี้แลนด์ จะทำให้สมจริงมากขึ้น แหม่ เเฮปปี้จริงๆ ใช่แล้วครับ เขาดังจากเพลงนี้ในฐานะศิลปินเดี่ยว จริงๆแล้วเขามีวงดนตรีเป็นของตัวเองมากมายและเริ่มวงการมานานแล้ว สมัยยังมีหนวดตอนปี 2001 น่ะแหละ
ฟาเรล แลนซ์ไซโล วิลเลี่ยม เกิดวันที่ 5 เมษายน 1973 เป็นศิลปินมากความสามารถทั้งร้องและแร็ปได้ อีกทั้งยังควบคุมงานเพลงและแต่งทำนองเพลงไว้มาก ตอนอายุ 7 ขวบ เขาได้เจอกับ Chad Hugo ที่ค่ายดนตรี โดยทั้งคู่เคยเข้าวงโยธวาทิตร่วมกัน โดยรับตำแหน่งกลอง ต่อมาเขาได้ร่วมมือกับ Shay Haley และ Mike Etheridge โดยก่อตั้งวง Neptune ขึ้นตอนต้นยุค 90 และเล่นการแสดงดนตรีที่โรงเรียน ฝีมือนั้นต้องตาต้องใจ Teddy Riley โปรดิวเซอร์ที่สังกัดอยู่ใกล้กับโรงเรียน ทำให้ Neptune ได้เซ็นสัญญากับ MCA Records
ในช่วงแรก ปี 1992 Pharrell แต่งเพลง Rump Shaker ให้กับ Wreckx-N-Effect ซึ่งซิงเกิ้ลมียอดขายถึง 2 ล้านแผ่น มากจนขนาดซื้อดิลโด้ขนาดเท่าหอไอเฟลมายัดตูดได้เลย และแต่งทำนองเพลงมามากมายจนมีชื่อเสียงในปี 1998 กับเพลง Superthug ของ N.O.R.E. แร็ปเปอร์อเมริกันที่มีน้องเป็นคนไทยชื่อ N.O.R.A (โนราห์) ฮั่นแน่ ยังจะมีมุขตบท้าย
ต่อมา Pharrell, Chad และ Shay ได้ก่อตั้งวงฟังก์ร็อค N.E.R.D (No-one Ever Really Die) ขึ้น โดยอัลบั้ม In Search Of.... มีสองเวอร์ชั่นคือจังหวะอิเล็กโทรนิกกับร็อค ซึ่งทำให้เพลงเสียโดย Spymob ซึ่งฟังแล้วอยากจะเอาบาซูก้าไปบอมบ์บ้านเหลือเกิน หากเพลงคือขนตูด จำไว้เสมอว่า ต้องเป็นขนตูดฝังเพชรเท่านั้น เพราะถ้าหำไม่โด่นั่นก็หมายความว่า (ชาคริตจะอัดตูดคุณเท่าสว่านอลูมิเนียมก็เป็นได้)
ในอัลบั้มถัดมา ได้ใช้ชื่อว่า Fly or Die ซึ่งขับเน้นดนตรีร็อกมากขึ้น ในจังหวะที่สนุกสนานดั่งช่วงวัยรุ่นแหกคอก (เพราะรถติดที่สี่แยกคอกวัว) นี่ไง บอกแล้วต้องมีมุขแป้ก ไม่ฮาเท่าตอนเอาโฉนดที่ดินบรรพบุรุษไปเช็ดก้นขี้ติดตูดหรอก Pharrell เริ่มใส่ความคิดทางการเมือง ศาสนา เข้าไปในเพลง (ยกตัวอย่างเช่นเพลง Drill Sergeant ที่ว่าด้วยการต่อต้านระบบทหาร) และร้องเพลงให้กับแฟนเพลงที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งอีกด้วย(ในเพลง Chariot of Fire) ได้ข่าวว่าเขียนเพลงตอนเมา เฮ้อ! ยังดีที่เมาไวน์ ไม่ใช่ไวน์ และคนพิมพ์ก็ไม่ได้เมาด้วย่บ้นเรดเวเด้สวบดไเด่ยขลสวใ ที่สำคัญทั้งวงเล่นดนตรีกันเองแล้ว ไร้ซึ่งเงาของ Spymob (ใกล้ตายแล้วแหละ ไม่มีเงา) อัลบั้มได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกจากหลายสำนัก ช่างน่าชื่นชมซะนี้กะไร ยกเว้นสำนักบู๊ตึ้งและสำนักเส้าหลิน เพราะฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง
เมื่อฟาเรลล์ออกอัลบั้มกรุ๊ปได้ซักพักนึง ทั้งวง N.E.R.D ที่เขาเป็นนักร้องนำ และออกอัลบั้ม The Clone ในฐานะโปรดิวเซอร์ The Neptune เขาจึงออกอัลบั้มเดี่ยวอย่างเต็มตัวในชื่อ In My Mind ในปี 2006 ซึ่งด้วยชื่อของ Kanye West, Snoop Dogg และ Gwen Stefani ทำให้อัลบั้มมียอดขายถึงเกือบ 3 ล้านแผ่นในปัจจุบัน(ก็แหงล่ะ) อัลบั้มได้รับคำวิจารณ์ทั้งแง่บวกและลบ แต่ที่เด่นชัดคือ สไตล์เพลงของฟาเรลล์ที่ซ้ำซาก น่าเบื่อ คำวิจารณ์ต่างๆทั้ง "ทำนองเพลงคุณภาพกลางๆ ฟังแล้วชวนง่วง" - The Rolling Stone หรือ " อัลบั้มไม่ได้แย่จนราบเรียบ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้" - Allmusic หรือ "ผมอยากเอาตูดฟาเรลล์ในชุดเซเลอร์มูน" - ลีโอนาร์โด ดิคราปิโอ นั่นทำให้เจ้าตัวหยุดทำอัลบั้มเดี่ยวถึง 8 ปี ไปออกอัลบั้มกลุ่มต่อ แหม่ สงสัยชอบลงแขกที่รูตูด โทรหาอาบังแป๊บ
โตรดติดตามตอนต่อไต - ฟาเรลล์กับเพลงการ์ตูนแอนิเมชั่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น