Slick Rick กำลังจะเอานิ้วจิ้มรูจมูกตัวเอง |
ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า หากคุณไม่รู้จัก Slick Rick คุณมันไม่ใช่แฟนแท้ฮิปฮอป ออกไป!!....หาของขบเคี้ยวแล้วมานั่งอ่านสนุกๆกันครับ ที่แห่งนี้ใช้แต่ภาษาสุภาพ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยครับ ติดตามอ่านเรื่องราวแร็ปๆที่แรนด้อมฟลาวเวอร์ เราจะจัดส่งให้ถึงบ้านเลยครับ แต่แน่ใจนะครับว่า เข้าถูกที่ นี่มัน Slick Rick นะครับ ไม่ใช่ illslick
เจ้าตัวชื่อ ริกกี้ มาร์ติน ลอยด์ วอลเตอร์ เกิดวันที่ 14 มกราคม 1965 ที่มิชแชม ลอนดอน ครอบครัวเป็นคนจาไมกัน - อิงแลนด์ ตาขวาบอดตั้งแต่เด็กเพราะเศษแก้ว เขาเคยมีประสบการณ์แร็ปที่โรงเรียนมาก่อนกับ Dana Dane อนาคตแร็ปเปอร์ ในปี 1984 ฝีมือของเขาต้องตาต้องใจ Doug E. Fresh และได้ทำงานร่วมกันไม่กี่เพลงในชื่อ Ricky D เขามีโอกาสเปิดตัวครั้งแรกในเพลง La Di Da Di กับท่อนเด็ด La Di Da Di We like to party ด้วยเพลงนั้นนั่นเองได้ถูกใช้เป็นแซมเปิ้ล ไม่ต่างจากเพลงในอัลบั้มที่จะพูดต่อไปนี้ (ท่อนที่ Rick ไม่ได้แร็ปแต่ร้อง คือเพลง Sukiyaki เวอร์ชั่นอังกฤษของ A Taste of Honey)
ต่อมาในปี 1988 เพลง Children's Story ของเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยอัลบั้มของเขานั้นสอนให้เด็กหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงและอาชญากรรม มองเห็นโลกที่ชั่วร้าย แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุด ต้องยกให้การเขียนเพลงและน้ำเสียงที่นุ่มนวล และน่าสนใจ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ศาลตัดสินเขา 7 ปีตั้งแต่ปี 1990 ฐานยิงหลานชายตัวเองถึงแก่ชีวิต (หลานชายเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว โกงเงินเจ้าตัวและจะขู่ข่าทั้ง Rick และแม่เขา ถึงขั้นยิงขู่ เขาจึงยิงหลานชายตายเพื่องป้องกันตัวและพลาดไปโดนคนอื่นบาดเจ็บ) ส่งผลทำให้สองอัลบั้มต่อมา ทำยอดขายได้ต่ำ อัลบั้มที่ 3 Behind Bars กล่าวถึงชีวิตและความกลัวระหว่างอยู่ในคุก แต่เขาก็กลับมาอีกครั้งในปี 1999 ในอัลบั้ม The Art of Storytelling ซึ่งสไตล์การแร็ปเปลี่ยนไป แต่ก็ถือว่าเป็นการกลับมาของเขา เพราะมียอดขายถึงล้านแผ่น
จากนั้นเขาก็หยุดแร็ปอีกครั้ง เพราะโดนจับฐานอพยพเข้าประเทศ ทำให้ไม่ได้เริ่มงานเพลงซักที ปัจจุบัน 15 เมษายน 2016 เขาได้เป็นพลเมืองอเมริกันเต็มตัว ผลงานเพลงมีประปราย แค่เงินจากลิขสิทธิ์แซมเปิ้ลเพลงเก่าๆก็อิ่มหนำแล้ว
ข้อคิดประจำวัน// ถ้าเอาแอปเปิ้ลยัดรูจมูกได้ ก็เอาทุเรียนยัดรูตูดได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น